Blocksource

Sui Blockchain คืออะไร? ผู้สืบทอดของ Diem

Sui Blockchain คืออะไร? มันได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมการดำเนินการตามสัญญาอัจฉริยะแบบ Monolithic รายถัดไป ผู้สืบทอดของ Diem ที่เชื่อกันว่าได้แก้ปัญหาความสามารถในการปรับขนาด, ความปลอดภัย, และค่าธรรมเนียมแก๊สด้วยเทคโนโลยีของตน ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้ว่า Sui Blockchain คืออะไร และมันทำงานอย่างไร

Sui คืออะไร?

Sui Blockchain คืออะไร? Sui (ออกเสียงว่า “สวี”) เป็นบล็อกเชน Proof-of-Stake เลเยอร์ 1 ที่มาพร้อมกับความสามารถในการทำสัญญาอัจฉริยะ โปรเจกต์นี้เป็นความพยายามของ Mysten Labs บริษัทที่ก่อตั้งโดยอดีตพนักงานของ Project Libra ของ Meta (Facebook)

Libra เป็นระบบการชำระเงินแบบ Blockchain และ Stablecoin ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นจริง นักพัฒนาบางคนที่ทำงานใน Project Libra (a.k.a. Diem) ได้ไปทำงานในโปรเจกต์อย่าง 

Aptos และ Sui

หมายเหตุ

Sui และ Mysten Labs ไม่ได้มีรากฐานมาจาก Diem และไม่มีความสัมพันธ์กับ Aptos แต่อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 มีต้นกำเนิดร่วมกัน

Mysten Labs ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทร่วมทุนชื่อดังอีกด้วย ซึ่งบริษัทเหล่านี้คือ FTX, Circle, Binance Labs และ Electric Capital เป็นต้น

ทีมงานของ Sui/Mysten มีเป้าหมายที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นผ่านความสามารถในการปรับขนาดและเวลาแฝง (Latency) ที่ต่ำ Sui Network จะช่วยให้นักพัฒนาและผู้สร้างสามารถปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไปได้

Sui ทำงานอย่างไร?

Sui ดำเนินการในรูปแบบของ Sequence of Epochs (24 ชั่วโมง) คณะกรรมการตรวจสอบความถูกต้องจัดการทุกยุค ชุดเครื่องมือตรวจสอบสิทธิ์แบบไม่ใช้สิทธิ์จะจัดเรียงใหม่จากยุคหนึ่งไปยังอีกยุคหนึ่ง

ผู้ใช้งานสามารถมอบหมายสินทรัพย์ที่ Stake ให้กับผู้ตรวจสอบความถูกต้องได้ การมอบสินทรัพย์ที่ Stake ทำให้คุณสามารถรวมพลังในการลงคะแนนและได้รับส่วนแบ่งจากค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ Sui Network ยังรักษาคุณสมบัติด้านความปลอดภัยตราบเท่าที่องค์ประชุม 2 ใน 3 ของสัดส่วนทั้งหมดถูกมอบหมายให้กับฝ่ายที่ซื่อสัตย์

เครื่องมือตรวจสอบความถูกต้องสามารถปรับขนาดในแนวนอนได้โดยใช้การแบ่งส่วน (Sharding) ของเครื่องมือตรวจสอบภายใน ด้วยเหตุนี้ โหนดจึงสามารถปรับขนาดได้โดยการทุ่มเททรัพยากรลงไปมากขึ้น ซึ่งอาจจะผ่าน CPU, หน่วยความจำ, ที่เก็บข้อมูลภายในเครื่องหรือหลายๆ เครื่อง

ค่าแก๊สและค่าธรรมเนียม

หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางการนำบล็อกเชนมาใช้ในกระแสหลักคือค่าธรรมเนียมแก๊ส ผู้ใช้งานจ่ายเงินเพื่อทำธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์และรวมธุรกรรมของพวกเขาไว้ในบล็อก หากไม่มีแก๊ส ผู้ประสงค์ร้ายก็จะสแปมเครือข่ายและทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS

เมื่อกิจกรรมเครือข่ายของบล็อกเชนเพิ่มขึ้น การทำธุรกรรมก็จะแย่งชิงพื้นที่บล็อก ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมและความแออัดของเครือข่ายพุ่งสูงขึ้น และท้ายที่สุดคือทำให้เกิดประสบการณ์ไม่ดีต่อผู้ใช้งาน

Sui ใช้วิธีการคิดค่าธรรมเนียมแบบเปลี่ยนแปลงได้ผ่านกลไกการตั้งราคา ในช่วงเริ่มต้นของแต่ละช่วงเวลา (Epoch) ผู้ตรวจสอบความถูกต้องจะโหวตราคาอ้างอิงทั่วทั้งเครือข่าย ด้วยวิธีนี้ ผู้ใช้งานจะสามารถคาดการณ์เรื่องค่าแก๊สได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

  • ค่าจัดเก็บ

ผู้ใช้งานจะจ่ายค่าธรรมเนียมแยกต่างหากสำหรับการดำเนินการธุรกรรมและการจัดเก็บข้อมูล เมื่อผู้ใช้งานส่งข้อมูลไปยัง “กองทุนสำรองข้อมูล” ของ Sui พวกเขาจะต้องจ่ายค่าแก๊สและค่าธรรมเนียมให้กับ Sui กองทุนจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ตรวจสอบความถูกต้องในการจัดเก็บข้อมูล เมื่อเครือข่ายเติบโตขึ้น ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บก็เพิ่มขึ้น

ภาษาโปรแกรม Move

ภาษาโปรแกรมของ Sui Blockchain นั้นคือ Move ภาษานี้แตกต่างจาก Move ตัวหลัก — ซึ่งใช้ภาษาโปรแกรม Rust และได้รับการพัฒนาโดย Meta (Facebook) — เล็กน้อย

Sui นั้นแชร์ภาษาโปรแกรม Move กับ Diem และ Aptos อดีตพนักงาน Meta ผู้ก่อตั้ง Aptos ก็เช่นกัน สัญญาอัจฉริยะบน Sui นั้นถูกสร้างขึ้นด้วย Move

Sui จะทำงานร่วมกับโค้ด Move จากระบบอื่น ยกเว้น Keys และ Global Storage Operator ข้อแตต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่าง Move ตัวหลัก และ Sui Move ก็คือ:

  • Address เป็นตัวแทน Object IDs
  • Sui Entry Points (จุดเริ่มต้นของชุดคำสั่ง) ใช้การอ้างอิง Object เป็น Input
  • Sui ใช้ Object-Centric Global Storage ของตนเอง
  • มีตัวโมดูลเริ่มต้น
  • Object มี IDs ที่ไม่ซ้ำกันทั่วโลก

Move vs. Solidity

Sui นั้นเป็น “Ethereum Killer” และนั่นทำให้ Move เป็นคู่แข่งของ Solidity มันถูกสร้างขึ้นโดยความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาภายใน Solidity Move ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นตัวแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลและดำเนินการอย่างปลอดภัยเหนือสิ่งเหล่านั้น

การทำงานของบล็อกเชนส่วนใหญ่จะใช้เป็นสัญญาอัจฉริยะ โทเค็นบน Ethereum เป็นสัญญาอัจฉริยะที่เก็บบันทึกยอดคงเหลือที่เกี่ยวข้องกับรายการของ Public Key เรื่องนี้จะทำอยู่นอกบัญชีแยกประเภทเนื่องจากโปรโตคอล Ethereum จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมัน

มีการแลกเปลี่ยนข้อความกันระหว่างการทำธุรกรรม แต่ไม่ใช่สินทรัพย์จริง Global State ของ Ethereum คือ Global Stateของบัญชีทั้งหมด สิ่งนี้นั้นตรงกันข้ามกับ Sui Blockchain

ด้วย Move พื้นที่เก็บข้อมูลของ Sui ได้รับการออกแบบให้ทำงานกับ Object ต่างๆ แต่แพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบให้มำงานกับบัญชี Object เหล่านี้สามารถตั้งโปรแกรมได้และสามารถไหลผ่านสัญญาอัจฉริยะได้ Global State ของ Sui คือกลุ่มของ Object ที่สามารถตั้งโปรแกรมได้

สัญญาอัจฉริยะใน Sui เป็น Object (ถูกเรียกว่า Move Package) ที่สามารถจัดการกับ Move Objects ได้ ทุกๆ Object จะมีความเป็นเจ้าของ ความเป็นเจ้าของจะกำหนดวิธีการที่มันถูกใช้งานในการทำธุรกรรม

  1. เป็นเจ้าของโดย Address — เป็นกรณีที่พบบ่อยที่สุดสำหรับ Move Objects มันจะย้ายไปยัง Address อื่น หลังจากที่มันเป็นเจ้าของโดย Address ที่จะรับไป
  2. เป็นเจ้าของโดย Object อื่นๆ
  3. ไม่เปลี่ยนรูป (Immutable) — Immutable Objects จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ Move Packages ทั้งหมด (เช่น สัญญาอัจฉริยะ) จะไม่เปลี่ยนรูปเมื่อมีการใช้งาน
  4. ใช้ร่วมกัน — ใครๆ ก็สามารถเขียนหรืออ่าน Object นี้ได้

Move ได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับ Move Prover ซึ่งทำให้โปรแกรมเมอร์สามารถตรวจสอบได้ว่าโค้ดของพวกเขาดำเนินการไปตามที่ต้องการหรือไม่

การทำธุรกรรมแบบคู่ขนาน

หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในความสามารถในการปรับขนาดของ Sui คือการทำธุรกรรมแบบคู่ขนาน ในบล็อกเชนส่วนใหญ่ ธุรกรรมจะถูกดำเนินการไปตามลำดับหรือทีละรายการ สิ่งนี้จะช่วยป้องกันการแข่งขันบางรูปแบบระหว่างธุรกรรมและการใช้จ่ายซ้ำซ้อน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังเป็นการจำกัดปริมาณงานอีกด้วย

การจัดการธุรกรรมแบบคู่ขนานช่วยให้ Sui สามารถรายงานธุรกรรมได้มากถึง 120,000 รายการบน MacBook Pro ต่อวินาที เพื่อใช้อ้างอิง Ethereum สามารถประมวลผลได้ 715 รายการต่อวินาที Visa สามารถประมวลผลธุรกรรมได้ 24,000 รายการต่อวินาที

ธุรกรรมจำนวนมากไม่ได้มีการพึ่งพาระหว่างกันอย่างซับซ้อนกับส่วนอิสระอื่นๆ ของ State ของบล็อคเชน บ่อยครั้งที่ผู้ใช้งานเพียงต้องการส่งเนื้อหาไปยังผู้รับ กลไกฉันทามติของ Sui จะปรับลดปริมาณการสื่อสารที่จำเป็นระหว่างผู้ตรวจสอบความถูกต้องเพื่อประมวลผลธุรกรรม ด้วยเหตุนี้ การถ่ายโอนทั่วไปจึงสามารถตรวจสอบได้แทบจะในทันที และธุรกรรมที่ซับซ้อนจะถูกดำเนินการภายใน 2-3 วินาที

กลไกฉันทามติของ Sui

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณกลไกฉันทามติของ Sui Narwhal, Bullshark และ Tusk ร่วมกันสร้างกลไกฉันทามติของ Sui ระบบเหล่านี้ช่วยกันแบ่งความรับผิดชอบของเครือข่าย

  • Narwhal: รับประกันความพร้อมใช้งานของข้อมูล
  • Bullshark หรือ Tusk: เห็นด้วยกับการจัดลำดับข้อมูลเฉพาะ

คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ Sui คือแนวทางอันล้ำสมัยสำหรับ Mempool Sui มี Mempool ที่ใช้ Directed Acyclic Graph (DAG) ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกโดย Narwhal DAG จะอนุญาตการประมวลผลแบบขนานที่เลเยอร์ของการดำเนินการ

Bullshark จะเข้ามาแทนที่ Tusk เป็นส่วนประกอบฉันทามติเริ่มต้นเพื่อลด Latency และ Fairness — ซึ่งทำได้กระทั่งสร้างความล่าช้าให้กับผู้ตรวจสอบความถูกต้อง อย่างไรก็ตาม Tusk ยังสามารถใช้งานได้

Aptos vs. Sui

Aptos และ Sui มีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง: พวกเขาทั้งคู่เป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณของ Diem, ผู้ก่อตั้งบล็อกเชนทั้ง 2 มาจาก Meta (Facebook) และทั้งคู่ใช้ภาษาโปรแกรม Move พวกเขาทั้ง 2 ยังมีนักลงทุนรายเดียวกันอีกด้วย

Aptos ใช้ Global Storage ของ Move หลัก ในขณะที่ Sui ใช้ของตัวมันเอง ยิ่งไปกว่านั้น Aptos ไม่มีคอนเซปต์เรื่อง Resource หรือ Object ที่เป็นเจ้าของ Resource อื่นๆ Address Sui ใดๆ สามารถเป็นเจ้าของ Resource ประเภทเดียวกันได้ไม่จำกัดจำนวน บัญชี Sui บัญชีเดียวสามารถเป็นเจ้าของ Token Object ของ Sui ที่แตกต่างกันได้ 10 รายการ โดยแต่ละรายการก็จะมีมูลค่าของตัวมันเอง

มีรายงานว่า Sui จะสามารถจัดการธุรกรรมได้ 120,000 รายการต่อวินาที ในขณะที่ Aptos คาดว่าจะจัดการธุรกรรมได้ 160,000 รายการต่อวินาที ถึงแม้ว่าตัวเลขนี้จะลดลงเป็นอย่างมากเมื่อเปิดตัว Mainnet

แผนงานของ Sui

Devnet ของ Sui เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2022 ปัจจุบัน มันประกอบไปด้วย 4 โหนดที่ดำเนินการโดย Mysten Labs และ Sui Explorer ณ ขณะนี้ยังไม่มี Sui Testnet

Testnet จะค่อยๆ เปิดตัวและ stress-test (การทดสอบภาวะวิกฤตต่างๆ) ฟีเจอร์และกลไกที่จำเป็นต่อ Mainnet ที่พร้อมผลิตแล้ว จุดประสงค์ของ Testnet คือการตรวจสอบความถูกต้องของการออกแบบ, ตรวจสอบความถูกต้องของโปรแกรมตรวจสอบความถูกต้อง, Full Nodes, กระเป๋าเงิน, Toolchains สำหรับนักพัฒนา และได้รับประสบการณ์ในการดำเนินงาน Testnet จะถูกจัดอยู่ในชุดของ “คลื่น”:

  • เครือข่าย
  • การ Staking
  • การอัพเดต

เครือข่าย

  • เป็นครั้งแรกที่เครือข่ายสาธารณะหลายเอนทิตี้ของ Sui จะถูกรวมเข้าด้วยกัน พิธีการกำเนิดแบบกระจาย, การกำหนดค่าตัวตรวจสอบความถูกต้อง, การประสานงานในการปฏิบัติงาน, และการดำเนินงานเครือข่ายพื้นฐานทั้งหมดจะถูกทำการทดสอบ
  • นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Sui จะมีโอกาสได้ใช้งานบน Testnet เป็นครั้งแรก

การ Staking

  • กลไก Delegated Proof-of-Stake จะรักษาความปลอดภัยเครือข่าย เอนทิตี้ใดๆ ควรจะได้รับอนุญาตให้สะสมโทเค็น SUI ให้เพียงพอเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวตรวจสอบความถูกต้องในกลไก DPoS ของ Sui
  • ความท้าทายวนเวียนอยู่ที่การพัฒนาและการปรับใช้พื้นฐานทางการเงิน โดยเฉพาะการ Staking อนุพันธ์และรากฐานของ DeFi

การอัพเดต

  • ขั้นตอนนี้จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานผ่านขั้นตอนของพวกเขาไปในขณะที่พวกเขาเจาะลึกการทำงานของเครือข่ายที่สำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงชุดเครื่องมือตรวจสอบ, การอัปเดตซอฟต์แวร์, และการตอบสนองต่อเหตุการณ์

Sui ทำอะไรได้บ้าง

  • สร้าง Dynamic NFT (NFT ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้) อัพเกรด NFT ของคุณได้ หรือจะ Composable NFT ทำให้ NFT สามารถทำงานหรือโต้ตอบกันได้ก็ย่อมเป็นไปได้
  • ทำให้ DeFi แบบ On-chain มีความ Real Time มีความล่าช้าที่ต่ำสำหรับการเทรด
  • สามารถออกแบบ Logic ของ Game ที่มีความซับซ้อน มีความโปร่งใส และมีฟังก์ชันที่หลากหลายได้
  • จะสร้าง Social Media แบบ Decentralized ไม่ว่าจะโพสต์ จะแชร์ หรือจะไลค์ก็ทำได้
  • ด้วยค่าธรรมเนียมที่ถูก (มาก) ทำให้คนสามารถเข้าถึง แอพพลิเคชัน (ไม่ว่าจะ Game หรือ DeFi), NFT ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น จะแอร์ดรอปหรือส่งเงินให้คนจำนวนมากๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ที่มา : beincrypto. , contributiondaoblog.