Blocksource ความรู้ทั่วไป

ทบทวน Tokenomics ในโลกคริปโต คืออะไร?

ก่อนจะลงทุน เราต้องศึกษา Tokenomics ซะก่อน ไม่งั้นก็เหมือนแทงหวย เผลอๆ เราอาจจะแค่เกาะกระแสไปเฉยๆ จำไว้ว่า กระแส มันมาเร็วไปเร็ว แต่ Tokenomics คือพื้นฐานที่แท้จริง Blockly เลยขอรวมเอาทุกอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับ digital asset ecosystem ที่จะช่วยบอกว่ามันมีค่าสำหรับนักลงทุนยังไง?

Tokenomics จะดูเกี่ยวกับเรื่อง economic ของเหรียญ อย่างเช่น จำนวนเหรียญทั้งหมด วิธีกระจายเหรียญ เอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง และอีกหลายอย่าง พวกนี้แหละที่จะช่วยให้คนอยากถือเหรียญและลงทุนในเหรียญนั้นๆ ต่อไปในอนาคต

เดี๋ยวเราค่อยมาแยกเป็นข้อๆ ว่ามีไรบ้าง เอาแบบเข้าใจง่ายๆ แล้วมีตัวอย่างประกอบ เวลาเราหาข้อมูล เราจะได้รู้ว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดี

รูปภาพโดย: electraprotocol
การกระจายเหรียญ (Allocation)

อันนี้ก็คือการแบ่งเหรียญไปให้อยู่ในมือคนต่างๆ เช่น ทีมงาน นักลงทุน ที่ปรึกษา หรือแม้แต่คอมมูเอง

ตัวอย่างที่ดี: โปรเจคที่เอาเหรียญไปลงเรื่องการพัฒนา ecosystem และแบ่งให้คอมมูเยอะ แสดงว่าเค้าจริงจังกับการมีส่วนร่วมและการเติบโต

ตัวอย่างที่ไม่ดี: อีกฝั่งนึง เอาเหรียญไปแบ่งทีมงาน นักลงทุน ที่ปรึกษา เยอะเกินไป แบบนี้มันอาจจะกลายเป็นว่า คนกลุ่มน้อยมีอำนาจ แล้วก็เทขายเหรียญทิ้งเอาได้ง่ายๆ

รูปภาพโดย: Max Yamp
การแจกเหรียญ (Distribution)

นี่ก็คือวิธีที่เค้าเอาเหรียญไปแจกหรือขายให้คนอื่นๆ อาจจะแจกฟรี ขาย หรือแจกเป็นรางวัลก็ได้

ตัวอย่างที่ดี: แจกเหรียญแบบยุติธรรม เช่น แจกฟรีให้คนในชุมชนที่แอคทิฟ หรือเปิดขายให้ทุกคน แบบนี้มันสร้างความเชื่อถือ และทำให้คนเข้ามามีส่วนร่วมเยอะ

ตัวอย่างที่ไม่ดี: แจกเหรียญไม่แฟร์ เช่น แอบเก็บเหรียญไว้กับตัวเองเยอะๆ ซอฟรักเบาๆ แบบนี้มันทำให้คนไม่ไว้ใจ และเหรียญก็อาจจะไม่มีใครใช้

รูปภาพโดย: biztechafrica
Token Generation Event (TGE)

TGE ก็เหมือนการเปิดตัวเหรียญ เค้าจะสร้างเหรียญแล้วก็แจกให้กับนักลงทุนและคนที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่างที่ดี: TGE ดีและโปร่งใส มีพาร์ทเนอร์เจ๋งๆ คนสนใจเยอะ ที่สำคัญคือรักษาโมเมนตัมของตลาดเริ่มแรกได้

ตัวอย่างที่ไม่ดี: TGE กะโหลกกะลา ขาดความโปร่งใส อาจทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่ำและผลการดำเนินงานของตลาดอ่อนแอ

รูปภาพโดย: Immutable Tokenomics
ปริมาณเหรียญหมุนเวียน (Circulating Supply)

อันนี้ก็คือจำนวนเหรียญที่อยู่ในตลาดตอนนี้ ที่เราๆเทรดกันไปมาคอยหมุนเวียนในตลาด

ตัวอย่างที่ดี: คุมปริมาณเหรียญได้ดี มีเหรียญหมุนเวียนเกือบ 100% สามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคาหรืออุปทานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อจัดสรรให้กับการพัฒนา ecosystem ในอนาคต

ตัวอย่างที่ไม่ดี: จำนวนเหรียญที่หมุนเวียนเพิ่มขึ้นเร็วมาก เพราะมีการปล่อยเหรียญที่เก็บไว้ออกมาขาย ทำให้ราคาเหรียญลงฮวบ ๆ คนเทขายกันกระจุย

รูปภาพโดย: biztechafrica
มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap)

เอาปริมาณเหรียญหมุนเวียนมาคูณกับราคาเหรียญ ณ ตอนนั้น ก็จะได้มูลค่าตามราคาตลาด

ตัวอย่างที่ดี: มูลค่าตามราคาตลาดค่อย ๆ เพิ่มขึ้น บ่งบอกความสนใจและการยอมรับที่เพิ่มมากขึ้น

ตัวอย่างที่ไม่ดี: มูลค่าตามราคาตลาดสูงปลิ้น แต่ยังไม่มีใครเอาไปใช้จริงๆ แบบนี้ราคาอาจจะเกินจริง หรือ overvaluation

รูปภาพโดย: Immutable Tokenomics
จำนวนเหรียญทั้งหมด (Total Supply)

จำนวนเหรียญทั้งหมดที่จะมี รวมถึงเหรียญที่ยังไม่อยู่ในตลาด

ตัวอย่างที่ดี: มีจำนวนเหรียญทั้งหมดจำกัด ทำให้เหรียญมีน้อย มีค่า demand เยอะ ราคาก็อาจจะขึ้น

ตัวอย่างที่ไม่ดี: จำนวนเหรียญไม่จำกัด หรือสามารถสร้างเหรียญเพิ่มได้ตลอด ขาด use cases แบบนี้เหรียญอาจจะเสื่อมค่าได้

รูปภาพโดย: biztechafrica
Fully Diluted Value (FDV)

ก็เหมือนกับการคิดมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) แต่แทนที่จะเอาปริมาณเหรียญหมุนเวียนมาคิด กลับเอาจำนวนเหรียญทั้งหมด (Total Supply) มาคิดแทน

ตัวอย่างที่ดี:

  • สมมติว่า มูลค่าตามราคาตลาดของเหรียญอยู่ที่ 100 ล้านบาท
  • แต่จำนวนเหรียญทั้งหมด (Total Supply) มี 1,000 ล้านเหรียญ
  • FDV ก็จะเท่ากับ 1,000 ล้านเหรียญ * ราคาเหรียญละ 0.1 บาท = 100,000 ล้านบาท

In case แม้ว่ามูลค่าตามราคาตลาดจะอยู่ที่ 100 ล้านบาท แต่ FDV ที่ 100,000 ล้านบาท ก็อาจจะชี้บอกว่าราคาเหรียญมี upside ได้อีกเยอะ ถ้า มีการปล่อยเหรียญออกมาขายเพิ่ม

ตัวอย่างที่ไม่ดี:

  • สมมติว่า มูลค่าตามราคาตลาดของเหรียญอยู่ที่ 100 ล้านบาท
  • แต่จำนวนเหรียญทั้งหมด (Total Supply) มี 100 ล้านเหรียญ
  • FDV ก็จะเท่ากับ 100 ล้านเหรียญ * ราคาเหรียญละ 1 บาท = 100 ล้านบาท

In case มูลค่าตามราคาตลาด (100 ล้านบาท) ใกล้เคียงกับ FDV (100 ล้านบาท) แบบนี้อาจจะบอกเป็นนัยว่าราคาเหรียญนั้นอาจจะถูกตั้งไว้สูงเกินจริง หรืออาจจะไม่มี upside แล้ว ถ้า มีการปล่อยเหรียญทั้งหมดออกมาขาย

รูปภาพโดย: Immutable Tokenomics
Cliff

ช่วงเวลาห้ามขายเหรียญ ผู้ถือเหรียญจะถอนเหรียญออกมาไม่ได้ พอครบกำหนด Cliff แล้ว เหรียญจะทยอยปลดล็อก (Vesting) ทีละนิด

ตัวอย่างที่ดี: Cliff นาน ๆ สำหรับเหรียญทีมงาน แสดงว่าทีมงานมุ่งมั่นพัฒนาเหรียญในระยะยาว

ตัวอย่างที่ไม่ดี: Cliff สั้น ๆ ทีมงานอาจจะเทขายเหรียญทิ้งตอนปลดล็อก ทำให้ราคาเหรียญร่วง

รูปภาพโดย: Immutable Tokenomics
Vesting

Vesting คือ การทยอยปลดล็อกเหรียญให้ออกมาตามช่วงเวลาที่กำหนด

ตัวอย่างที่ดี: period สำหรับการปลดเหรียญของ team หรือส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นแบบค่อยๆ ปลดทีละนิดล็อกนาน แสดงถึงแผนระยะยาว และไม่เทขายเหรียญทิ้งจนราคาตกฮวบ

ตัวอย่างที่ไม่ดี: ให้ปลดเร็วและเยอะเกินไป เหรียญอาจจะไหลออกมาเยอะ ราคาเหรียญดิ่งเหว

รูปภาพโดย: Immutable Tokenomics

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความต้องการ (Demand)

หลักการง่าย ๆ คือ เหรียญจะมีมูลค่าก็ต่อเมื่อมีคนซื้อมากกว่าคนขาย อะไรที่ทำให้คนอยากซื้อเหรียญมากขึ้น ก็จะมีดังนี้

  • การถือไว้เพื่อเก็งกำไร: หลายคนซื้อคริปโตเพื่อเก็งกำไรหรือเพิ่ม wealth หวังว่าราคาจะขึ้นในอนาคต
  • คอมมู: คอมมูที่ดี จะคอยให้ความคิดเห็น แชร์ข้อมูล และช่วยให้คนอื่นๆ มารู้จักและใช้เหรียญมากขึ้น สังเกตุดูว่าคนในคอมมูรู้สึกยังไงกับเหรียญ
  • การใช้งาน: เหรียญที่มีประโยชน์จริงๆ จะทำให้คนอยากใช้ ecosystem จะโตขึ้น และเหรียญจะมีค่ามากขึ้น ไม่ใช่แค่ถือเฉย ๆ แต่ต้องใช้และได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้วย

สรุป

การเข้าใจปัจจัย Tokenomics เหล่านี้ จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่า โปรเจคคริปโตนั้นๆ มีโอกาสประสบความสำเร็จและมั่นคงในระยะยาวหรือไม่

สิ่งสำคัญคือต้องทำการศึกษาด้วยตัวเอง และพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ก่อนตัดสินใจลงทุน

หวังว่าจะเป็นประโยชน์!

Leave feedback about this

  • Quality
  • Price
  • Service

PROS

+
Add Field

CONS

+
Add Field
Choose Image