Product metrics คือ ตัวชี้วัดหรือเกณฑ์ที่ใช้ในการวัดและประเมินประสิทธิภาพ ความสำเร็จ และคุณค่าของผลิตภัณฑ์ โดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ช่วยให้เรารู้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้หรือไม่ และสามารถทำงานตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือเปล่า สำหรับคนที่สนใจอยากทำวิจัยว่า Product Crypto มีข้อมูลอะไรน่าสนใจบ้าง
*ข้อมูลนี้มีไว้เพื่อศึกษาเพียงเท่านั้น
Product metrics สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ เช่น:
- User Engagement (การมีส่วนร่วมของผู้ใช้): วัดว่าผู้ใช้มีการใช้ผลิตภัณฑ์มากน้อยแค่ไหน เช่น จำนวนผู้ใช้งานต่อวัน (Daily Active Users – DAU), จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (Monthly Active Users – MAU)
- Retention Rate (อัตราการรักษาลูกค้า): วัดว่ามีผู้ใช้กลับมาใช้ผลิตภัณฑ์บ่อยแค่ไหน
- Churn Rate (อัตราการเลิกใช้): วัดจำนวนผู้ใช้ที่เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ในช่วงเวลาหนึ่ง
- Conversion Rate (อัตราการเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมเป็นลูกค้า): วัดว่าผู้ใช้จากขั้นตอนต่าง ๆ เช่น จากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ กลายเป็นผู้ซื้อได้กี่เปอร์เซ็นต์
- Customer Satisfaction (ความพึงพอใจของลูกค้า): เช่น คะแนนความพึงพอใจ หรือ Net Promoter Score (NPS) วัดว่าลูกค้าพอใจมากน้อยเพียงใด
Product metrics เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพราะมันช่วยให้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นตอบโจทย์ผู้ใช้หรือไม่ และสามารถใช้ในการตัดสินใจเพื่อปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น
1.DefiLlama

เป็นแดชบอร์ดที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ DeFi โดยมีข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าเหรียญที่ถูกล็อค (TVL) ในโปรโตคอลต่าง ๆ มูลค่าตลาดของ Stable coins และปริมาณการซื้อขาย นอกจากนี้ยังมีการจัดอันดับโปรโตคอล แผนภูมิข้อมูลเรียลไทม์ และเครื่องมือสำหรับเปรียบเทียบเชนต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการและการชำระหนี้
DefiLlama ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโปรโตคอล DeFi และแหล่งเงินทุน DeFi รวมถึงฟีเจอร์ที่สำคัญ เช่น:
- การติดตาม TVL: ข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าที่ถูกล็อคในโปรโตคอลต่าง ๆ
- การจัดอันดับโปรโตคอล: ดูการจัดอันดับโปรโตคอลตาม TVL
- กราฟและแผนภูมิ: ข้อมูลเรียลไทม์สำหรับการวิเคราะห์
- เครื่องมือเปรียบเทียบ: เปรียบเทียบข้อมูลระหว่างเชน
ข้อมูลการบริหารจัดการ: เกี่ยวกับการลงคะแนนและการชำระหนี้

ใครสนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มหรือใช้งานได้ที่ : defillama.com
2.Token Terminal

เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลทางการเงินบนเชนที่มีมาตรฐานสำหรับบล็อกเชนและแอปพลิเคชัน DeFi ต่างๆ โดยมุ่งหวังที่จะปรับปรุงคุณภาพและการเข้าถึงข้อมูลการวิเคราะห์บล็อกเชนเพื่อช่วยให้นักลงทุนทั้ง VC และคนทั่วไปสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล โดยมีเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล การเข้าถึง API และอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายสำหรับการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ
การวิเคราะห์ทางการเงินที่มีคุณภาพสำหรับบล็อกเชนและโปรเจกต์ DeFi โดยมีฟีเจอร์สำคัญเช่น:
- ข้อมูลการเงิน: แสดงข้อมูลการเงินที่สรุปและทำให้เข้าใจง่าย รวมถึงรายได้ ต้นทุน และการเติบโต
- การวิเคราะห์เชิงลึก: มีเครื่องมือสำหรับนักลงทุนในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ
- API และข้อมูลเปิด: ให้บริการ API เพื่อเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์
การสนับสนุนการตัดสินใจ: ช่วยให้นักลงทุนทำการตัดสินใจที่มีข้อมูลรองรับ
Token Terminal Dashboard แสดงข้อมูลการวิเคราะห์ทางการเงินเกี่ยวกับโปรเจกต์บล็อกเชนและแอปพลิเคชันต่างๆ โดยมีการนำเสนอข้อมูลที่สำคัญ เช่น รายได้ สถิติการใช้ และแนวโน้มของตลาด ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและทำการเปรียบเทียบระหว่างโปรเจกต์ได้ นอกจากนี้ยังมีแผนภูมิและกราฟที่ช่วยให้เข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น

ใครสนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มหรือใช้งานได้ที่ : tokenterminal.com
3.Dune

แพลตฟอร์มนี้มีจุดเด่นที่แนวทางการทำงานแบบขับเคลื่อนโดยชุมชน ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างและแชร์แดชบอร์ดและคิวรีได้อย่างอิสระ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ข้อมูลที่มีอยู่และพัฒนาต่อไปได้ ทำให้มันคล้ายกับ GitHub แต่สำหรับข้อมูลบล็อกเชน (BeInCrypto) (Collective Shift) นอกจากนี้ Dune ยังรองรับการเขียน SQL สำหรับการดึงข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงและสร้างภาพข้อมูลจากผลลัพธ์
Dune มีบริการฟรีสำหรับฟีเจอร์พื้นฐาน แต่ก็มีแผนการสมัครสมาชิกที่ให้ฟังก์ชันการทำงานขั้นสูง เช่น การเข้าถึงการประมวลผลคิวรีอย่างรวดเร็วและแดชบอร์ดที่เป็นส่วนตัว
การทำงานหรือการใช้งาน Dune Analytics มีขั้นตอนดังนี้:
- การลงทะเบียน: ผู้ใช้ต้องสร้างบัญชีบนเว็บไซต์ Dune (ฟรี) เพื่อเริ่มต้นใช้งาน หลังจากนั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลและฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้
- การค้นหาข้อมูล: เมื่อเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้สามารถค้นหาแดชบอร์ดที่มีอยู่ โดยพิมพ์ชื่อโปรโตคอลหรือโทเค็นที่ต้องการวิเคราะห์ในแถบค้นหา ผลลัพธ์จะเป็นรายการแดชบอร์ดที่เผยแพร่ใน Dune
- การสร้างคิวรี: เพื่อสร้างคิวรีใหม่ ผู้ใช้สามารถคลิกที่ “New Query” บนแถบเมนู จากนั้นเลือกบล็อกเชนและชุดข้อมูลที่ต้องการ คิวรีจะเขียนด้วย SQL เพื่อดึงข้อมูลที่ต้องการ
- การสร้างภาพข้อมูล: หลังจากรันคิวรีแล้ว ผู้ใช้สามารถสร้างภาพข้อมูล (visualization) จากผลลัพธ์ที่ได้ โดยเลือกประเภทของภาพที่ต้องการ และสามารถปรับแต่งภาพได้ตามต้องการ
- การเผยแพร่แดชบอร์ด: ผลลัพธ์ที่สร้างขึ้นสามารถเผยแพร่เป็นแดชบอร์ดสาธารณะได้ ทำให้ผู้ใช้คนอื่น ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลและวิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น โดยแดชบอร์ดที่เผยแพร่จะถูกแบ่งปันกันในคอมมู
การร่วมมือและแชร์: ผู้ใช้สามารถ “fork” คิวรีของผู้ใช้คนอื่นได้ ซึ่งหมายความว่าสามารถเปิดคิวรีที่เผยแพร่แล้วและปรับแต่งเพิ่มเติมตามต้องการ และสามารถแชร์แดชบอร์ดกับผู้อื่นภายนอกแพลตฟอร์มได้

ใครสนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มหรือใช้งานได้ที่ : dune.com
4.L2BEAT

ในการใช้งาน L2BEAT คุณสามารถเข้าไปที่หน้าเว็บเพจและเลือกดูข้อมูลของ Solution Layer 2 ต่าง ๆ เช่น rollups และ sidechains โดยสามารถตรวจสอบกราฟและตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง เช่น ปริมาณการใช้งานและสถานะความปลอดภัยของเครือข่าย นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบระหว่าง Solution เหล่านี้เพื่อช่วยให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ
L2BEAT มีฟีเจอร์และเครื่องมือหลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อช่วยวิเคราะห์ Solution Layer 2 ของ Ethereum ซึ่งแต่ละฟีเจอร์ทำงาน ดังนี้:
- Scaling Summary: สรุปภาพรวมของ Solution Layer 2 แต่ละตัว เช่น rollups และ sidechains โดยแสดงข้อมูลสำคัญในหน้าเดียว
- TVL (Total Value Locked): แสดงมูลค่ารวมของสินทรัพย์ที่ถูกล็อกอยู่ในแต่ละ Layer 2 เครือข่าย เพื่อแสดงถึงการใช้งานและความเชื่อมั่นของผู้ใช้
- Risk: ประเมินความเสี่ยงของ Solution Layer 2 โดยดูจากปัจจัยหลายด้าน เช่น ความเสี่ยงจากการถูกแฮก การทำงานล้มเหลวของระบบ หรือความปลอดภัยของโค้ด Smart contract
- Data Availability: แสดงความสามารถของ Solution ในการรับรองความถูกต้องและความปลอดภัยของข้อมูลที่ส่งผ่าน Layer 2
- Liveness: ตรวจสอบความต่อเนื่องของ Network ว่ามีการหยุดทำงานหรือไม่ และ Network ยังทำงานได้ต่อเนื่องตามปกติหรือไม่
- Finality: วิเคราะห์เวลาที่ใช้ในการรับรองธุรกรรมว่าได้รับการยืนยันอย่างแน่นอนและไม่สามารถย้อนกลับได้
- Activity: แสดงจำนวนธุรกรรมและกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่าย Layer 2 เพื่อให้เห็นถึงความคึกคักของการใช้งาน
- Costs: วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน Layer 2 เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม (gas fees) เพื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่าง Solution ต่าง ๆ
ผู้ใช้สามารถเข้าไปสำรวจข้อมูลได้จากหน้าเว็บโดยตรง ซึ่งมีการนำเสนอผ่านกราฟและสถิติต่าง ๆ ทำให้เข้าใจถึงสถานะและประสิทธิภาพของแต่ละ Solution อย่างชัดเจน

ใครสนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มหรือใช้งานได้ที่ : l2beat.com
5.Nansen

จุดเด่นของ Nansen.ai คือการวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของตลาดคริปโต โดยมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตาม Wallet ที่สำคัญ วิเคราะห์ข้อมูลจากบล็อกเชนแบบเรียลไทม์ และใช้ข้อมูลที่ติดป้ายกำกับเพื่อการตัดสินใจลงทุนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีแดชบอร์ดและการแจ้งเตือนที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจับตาดูแนวโน้มและโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนได้
การใช้งาน Nansen.ai สามารถทำได้โดยการลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้ จากนั้นเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การติดตามการเคลื่อนไหวของ Wallet นักลงทุนชั้นนำ และข้อมูลเกี่ยวกับตลาด NFT เพื่อให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ใน Nansen.ai
Nansen.ai มาพร้อมกับฟีเจอร์อันทรงพลังและครอบคลุมที่ช่วยให้ผู้ใช้วิเคราะห์ข้อมูลในตลาดคริปโตอย่างละเอียดและทันสมัย ดังนี้:
- Signals: ติดตามสัญญาณสำคัญและการเคลื่อนไหวในตลาด เพื่อช่วยให้การตัดสินใจการลงทุนมีความแม่นยำและทันท่วงที
- Smart Money: เจาะลึกกิจกรรมของนักลงทุนรายใหญ่เพื่อดูแนวโน้มที่อาจเปลี่ยนทิศทางของตลาด
- Tokens: วิเคราะห์โทเค็นยอดนิยม พร้อมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับปริมาณการซื้อขายและมูลค่า
- NFTs: รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาด NFT เพื่อช่วยให้คุณสามารถค้นหาผลงานที่น่าสนใจและมีโอกาสเติบโต
- Hot Contracts: ติดตามสัญญาที่กำลังได้รับความสนใจและการใช้งานอย่างสูง
- Macro Blockchains: ภาพรวมของบล็อกเชนหลักๆ ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในระบบต่างๆ
- Smart Alerts: ระบบแจ้งเตือนที่ช่วยให้คุณไม่พลาดการเคลื่อนไหวที่สำคัญ
- Smart Segments: การจัดกลุ่มนักลงทุนหรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งและแม่นยำยิ่งขึ้น
Nansen.ai ไม่เพียงให้ข้อมูลที่ละเอียด แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้งานมีเครื่องมือที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวในตลาดได้อย่างเต็มรูปแบบ

ใครสนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มหรือใช้งานได้ที่ : nansen.ai
Leave feedback about this